Follow

OUTDOOR ARE OUR LIFE

วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

[Gadget Review] ESS CDI with RX insert



ESS แว่นตานิรภัยที่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก ได้ที่รับมาตรฐาน APEL กองทัพสหรัฐฯไว้ใจให้ทหารใช้งานเพื่อป้องกันดวงตา  ESS ออกมาหลากหลายรุ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน คราวนี้จึงหยิบแว่นรุ่น ESS CDI มารีวิวกัน แต่อาจจะรีวิวแบบแว่นกันแดดกันสเก็ดคงธรรมดาไป ก็เลยนำแว่น ESS CDI มาใส่ RX insert สำหรับเลนส์สายตา ให้มันกลายเป็นแว่นสายตาที่ไม่เหมือนทั่วๆไปกันเหมาะสำหรับสาย Outdoor ที่ต้องการแว่นสายตาที่เฟรมมีความแข็งแรง



สำหรับ ESS CDI ที่นำมารีวิวกันนี้จะเป็นตัวสีทรายและตัว RX insert เลนส์สายตา (ตัวเฟรม RX จะมีแต่ สีดำ) ซึ่ง CDI ตัวนี้เป็นตัว Redesigned  ให้ออกแบบมาเท่ห์กว่าเดิม และข้อดีอีกอย่างคือสามารถใส่สายรัดตัวมาตรฐานของESS จะช่วยยึดแว่นไม่ให้หลุดออกจากเราได้เวลาทำกิจกรรม Outdoor 

มาว่ากันด้วยเรื่องวัสดุภายนอกของตัวเฟรา CDI กันก่อน เฟรมแว่นใช้วัสดุที่จับครั้งแรกแล้วต้องบอกว่าน่าประทับใจ มีความแข็งแรงทนทานไม่ต้องกลัวว่าเฟรมจะหักง่ายๆ มีน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย ทำให้สามารถใส่ได้นานเพราะขาแว่นจะไม่กดลงที่ด้านข้างมาก




ยางบริเวณตัวรองจมูกจะติดเข้ากับตัวเฟรมแว่น ไม่กดจมูกมากจนเกินไป ส่วนบริเวณขาแว่นจะมียางกันลื่น ไม่ให้แว่นจะลื่นหลุดได้ง่ายๆ



ในส่วนของ RX insert สิ่งที่จะได้มาคือ เฟรมสำหรับใส่เลนส์สายตา ซองใส่และตัวแบบสำหรับตัดเลนส์


การใส่เลนส์เข้าที่เฟรมนั้นก็ง่ายดายเพียงใส่เข้าไปด้านข้างตัวเฟรมRX ก็จะเข้าล็อกกับเฟรมแว่นพอดี หากไม่ต้องการใช้เป็นแว่นสายตาก็เพียงถอดเปลี่ยนเป็นเลนส์กันแดดนิรภัยได้


เราไม่ต้องกลัวว่าตัวเฟรม RX จะเลื่อนหลุดออกมาง่ายๆเพราะตัวขาแว่นเวลาเราใส่แว่นจะยึดเฟรมให้อยู่กับที่ไม่หลุดไปไหน (แต่ตัวเฟรม RX ก็ล็อกกับเฟรมแว่น CDI ไว้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ต้องออกแรงเล็กน้อยถึงถอดออกมาได้)




เมื่อใส่ตัว RX insert เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แว่นก็พร้อมใช้งาน

หากท่านใดสนใจติดต่อ ESS Thailand - by Oakley ได้เลยครับ





วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2557

[Gadget Review] Tactical Tailor Removable Operator Pack

Tactical Tailor เป็นอีกแบรนด์ที่คนวงการสายทหารและอุปกรณ์ทหารนั้นรู้จักกันดีในเรื่องของคุณภาพและการออกแบบมาเพื่อผู้ปฏิบัติงานสามารถใช้งานได้ดี ในรอบนี้จะขอรีวิว Tactical Tailor Removable Operator Pack เป็นเป้ที่สามารถทำได้กว่าแค่สะพายหลังทั่วไปเพราะมันสามารถเอาไปติดกับเวสหรือเสื้อเกราะที่Molleอยู่ด้านหลังได้


Tactical Tailor Removable Operator Pack ใบนี้ขนาดไม่ใหญ่มาก ขนาด17" tall x 9.5" wide x 5.5" deep อาจจะจุของไม่ได้มากนัก แต่ก็พอดีสำหรับ 24 ชม. วัสดุกระเป๋าทำจาก Condura  ภายในมีการเคลือบกันน้ำอีกชั้น

มี Molle กับ Velcro ไว้ให้เราติดPouchกับป้ายเพิ่มเติมได้

ช่องด้านหน้าเป็นแบบรูดลง

ด้านในบุด้วยวัสดุไนลอนสีส้มสด ในยามฉุกเฉินสามารถพลิกด้านในออกมาเป็นตัวส่งสัญญาณให้กับอากาศยานได้ด้วย เป็นสีเดียวกับธงสีส้มที่ทหารอเมริกันใช้ติดหน้ารถเพื่อระบุฝ่าย

ด้านมีช่องสำหรับใส่ขวดน้ำหรืออย่างอื่นให้อีกอยู๋ทั้งสองข้าง

มีช่องสำหรับให้ท่อถุงน้ำลอดออกมา โดยสามารถใส่ถุงน้ำได้ถึงขนาด 3 ลิตร

สายสะพายด้านหลังจะไม่เย็บติดกับกระเป๋าโดยตรง 
การกระจายน้ำน้ำหนักได้ดีและเข้ากับรูปร่างคนได้หลากหลาย

Malic Clip สำหรับไว้ยึดติดกับ Molle เสื้อเกราะ ทางTactical Tailorมีชุดสำรองแถมมาให้ด้วย

ไว้สำหรับยึดส่วนล่าง โดยเกี่ยวกับ Molle

ลองเอามาติดกับ Scalable Plate Carrier Size L

ยึดโดย Malic Clip

ด้านล่างยึดด้วยก้ามปูเกี่ยวกับMolle


โดยสรุปแล้ว Tactical Tailor Removable Operator Pack ใบนี้เป็นเป้อีกใบที่น่าสนใจที่สามารถติดเข้ากับเสื้อเกราะได้ แต่ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่มากทำให้อาจจะจุของได้ไม่มากนัก อีกหนึ่งจุดเมื่อได้มาคือหาอะไรมายัดเป็นแผ่นรองหลังเพราะ Tactical Tailor ไม่ได้ให้มา หากไม่ใส่แผ่นรองหลังแล้วล่ะก็จะทำเอาปวดหลังปวดไหล่ได้ อาจจะหาโฟมยางมาใส่ก็ได้ให้ยืดหยุ่น

การรับน้ำหนักกระจายแรงได้ดีเพราะสะพายไม่ได้เย็บติดกับตัวกระเป๋าโดยตรงแต่จะมีเป็นห่วงเป็นตัวกลางระหว่างสายกับตัวกระเป๋า สายสามารถขยับหรือปรับทิศทางให้เข้ารูปร่างไหล่ของผู้สะพายได้ดีกว่าการที่สะพายเย็บติดกับกระเป๋าโดยตรง


วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

[Eat or Die] Food Review : MRE Cold Weather ver. Chicken with rice


กลับมาอีกครั้งกับ Eat or Die ในครั้งที่แล้วประสบพบเจอกับข้าวกระป๋องพร้อมทานตราคุณเพิ่ม เวลาเดินผ่านชั้นวางนี้ต้องรีบวิ่ง ยังผวาไม่หายกับรสชาติที่ติดลิ้น (ฮาๆๆ) แต่ครั้งนี้จะขอนำเสนอของที่ค่อนหายากและไม่พบเห็นในบ้านเรา ซึ่งก็คือ MRE หลายคนสงสัยว่ามันหายากยังไง? เดินไปร้านขายของอุปกรณ์ทหารก็ยังพอมีซองสีน้ำตาลๆที่เหลือแต่เมนู Vegetable ให้เห็นบ้าง แต่บอกเลยครับว่า MRE อันนี้เป็นเวอร์ชั่นภาคฤดูหนาว ซองสีขาวสะอาดตา ทิ้งในหิมะแล้วไม่ก่อมลพิษ (แน่ใจ!?)
ต้องขอขอบคุณผู้สนับสนุน จ้ำ ชาวบ้าน ด้วยครับ ที่ส่งมาให้ทำรีวิวกัน


MRE Cold Weather มีลักษณะที่แตกต่างอย่างชัดเจน  ตัว Cold Weather ซองที่บรรจุที่เป็นสีขาว แตกต่างจากตัว MRE ธรรมดาทั่วไปที่ซองจะเป็นสีน้ำตาล


ที่ได้มาห่อนี้เป็นเมนูหมายเลข 5 Chicken & Rice หรือ ไก่กับข้าว 


ภายในซอง MRE Cold Weather สำหรับเวอร์ชั่นนี้ต้องบอกว่าน้ำหนักเบากว่าธรรมดามาก





สำหรับเวอร์ชั่น Cold Weather ปริมาณ Calories ต่อห่อก็จะมีมากเป็นพิเศษเพราะทหารต้องรบในอากาศหนาวเย็นต้องการพลังงานที่มากกว่าปกติ และเมื่อแกะห่อออกมาในหนึ่งห่อก็จะประกอบด้วย
1.Chicken & Rice - 650 Calories
2.Toasted core kernels - 270 Calories
3. Oatmeal cookie, Chocolate flavored coating - 190 Calories
4. First strike, Nutritious energy bar (cran-raspberry flavor) - 250 Calories
5. French vanilla cappuccino instant powder - 120 Calories
6. Accessories

หลายคนก็คงเริ่มสงสัยแล้วว่า FRH (Flameless Ration Heater) หรือถุงอุ่นอาหาร มันหายไปไหน แล้วเขาจะทำให้อาหารมาร้อนได้ยังไงกัน?

ต้องบอกก่อนเลยว่า MRE Cold Weather ออกแบบมาเพื่อการรบในพื้นที่มีอากาศหนาวเย็นอุณหภูมิต่ำติดลบ ถ้านำอาหารแบบตัวธรรมดาที่ส่วนประกอบของน้ำอยู่ ก็คงแข็งกินไม่ได้ถึงใช้ถุงอุ่นมันก็คงสู้อุณหภูมิภายนอกไม่ได้แน่นอน อาหารในเวอร์ชั่น Cold Weather ทั้งหมดจะถูกดึงน้ำออกทั้งหมดและทำให้แห้ง บรรจุอยู่ในถุงสูญญากาศ เพื่อกันไม่ให้อาหารนั้นโดนความเย็นจนกินไม่ได้ ทำให้ MRE เวอร์ชั่นนี้มีน้ำหนักเบากว่าตัวปกติ ที่นี้ก็มาก็ดูกันว่าภายในแต่ละถุงเป็นยังไงกัน


ถุงแรกเมนูหลัก Chicken & Rice ถุงนี้ถูกทำให้เป็นสูญญากาศอัดของที่อยู่ภายในนี้แน่นมากๆ พอแกะห่อออกมาก็พบข้าว ไก่และเครื่องปรุงต่างๆที่ถูกอบแห้งใส่เอาไว้ วิธีการอุ่นก็ง่ายๆคือเทน้ำร้อน 16 Oz ลงไปในถุงแล้วขนให้เข้ากันและรอประมาณ 10 นาที แล้วจะไปหาน้ำร้อนที่ไหนล่ะ? แนวคิดการอุ่นอาหารแบบเทน้ำร้อนลงไปนั้นประมาณว่า ในอากาศที่หนาวยังไงก็ต้องก่อไฟเพื่อต้มน้ำอยู่แล้วจึงไม่ยากที่หาน้ำร้อนและอีกอย่างMREตัวนี้จะนิยมกินกันเวลาเฝ้าฐานที่ตั้งมากกว่าออกล่าตระเวน


ในภาพเพิ่งเทน้ำร้อนใส่ลงไป 16 Oz ข้าวและเนื้อกำลังดูดน้ำเข้าไป


10 นาที ผ่านไปก็พร้อมกินแล้ว! หน้าตานี้คือข้าวต้มไก่ดีๆนี้แหละ


บอกเลยว่ามันคือข้าวต้มไก่ รสชาติก็ประมาณโจ๊กคนอร์แบบซอง แต่อันนี้ข้าวเป็นเม็ดๆและเนื้อไก่(ปลอม) เยอะมาก จากความเห็นส่วนตัวรสชาติก็ถือว่าใช้ได้หรือเพราะกิน MRE ตัวธรรมดาจนไม่มีความอร่อยแล้วพอมาเจอ Cold Weather รสชาติแปลกใหม่ดี!


ซองถัดมาคือ Toasted core kernels ซึ่งมันก็ถือเมล็ดข้าวโพดปรุงรสอบแห้ง บอกได้เลยว่าอร่อยมาก แต่กินไปนานๆแอบเมื่อยปากเหมือนกัน หวาน มัน เค็ม กรุบกรอบดี


ซองต่อมาคือ Oatmeal cookie, Chocolate flavored coating มันคือข้าวโอ๊ตเคลือบช็อกโกแลตธรรมดานี่แหละ แต่ที่ไม่ธรรมดาคือตอนที่อยู่ในห่อบรรจุมันแข็งขนาดเอาไปใช้ทุบหัวคนได้เลย




หลังจากกินอาหารจานหลักแล้วก็ต้องจบด้วย French vanilla cappuccino instant powder รสชาตินุ่มนวล เหมือนมีสตาร์บัคมาเปิดข้างค่าย ดีกว่ากาแฟใส่ถังที่มีให้กดใน Mess Hall ที่เหมือนเอาดินมาบดแล้วผสมน้ำให้กิน ข้างในก็เป็นผงแบบ 3 in 1 แค่เทน้ำร้อนก็พร้อมดื่มได้ทันที่ในถุง รสชาติก็เหมือนคาปูชิโน่ทั่วไปแต่รสจะมีถั่วเหลืองหนักไปหน่อยเพราะมันเป็นหนึ่งในส่วนผสม


เทน้ำร้อนลงไปในถุง แล้วก็ปากถุงจับเขย่าเล็กน้อย จะได้ฟองกาแฟให้พอชื่นใจ


เทออกมาใส่แก้วให้เห็นกันชัดๆ


และอย่างสุดท้ายก็คือ  First strike, Nutritious energy barเป็น cranberry raspberry สองอย่างมาผสมรวมกันผสมธัญพืชเล็กน้อย รสชาติบอกได้เลยว่าดีกว่า First strike รสชาติอื่นที่เคยกินมา ตัวนี้จะอารมณ์ประมาณผลไม้กวนที่ให้พลังงานสูงมากถึง 250 แคลอรี่




สีสันสวยงามน่ากินสำหรับ First Strike รสนี้


Accessories สิ่งจำเป็นในถุงหากไม่มีเหล่านักรบก็คงจะลำบากมิใช่หน่อย โดยจะประกอบด้วย
1.ช้อนพลาสติก
2.น้ำตาล
3.ครีมเทียม
4.กาแฟ เนสเล่ ที่ทหารจะโยนเข้าป่าหญ้ากันตลอดเวลา แอดมินเองก็ไม่คิดจะแกะกินเลยซักครั้ง
5.ซอสทาบาสโก้ สำหรับคนชอบกินเผ็ด อันนี้เป็นแบบซอง ปกติจะเจอแบบขวดเล็กๆที่ไม่เคยพอกินซักครั้ง
6.หมากฝรั่ง ที่ทำมาจากยางรถยนต์ มีรสชาติอยู่แค่ 30 วิในตอนแรกที่เคี้ยวหลังจากนั้นกลายสภาพเป็นยางรถยนต์
7.ไม้ขีดไฟ
8.ทิชชู่เปียก
9.ทิชชู่แบบธรรมดา


สรุป MRE Cold Weather Ver. นั้นถูกปรับแต่งมาเพื่อสภาพอากาศที่หนาวเย็น อาหารทุกอย่างถูกดึงน้ำออกหมดและทำให้แห้ง บรรจุลงในห่อสูญญากาศ ทำให้มีน้ำหนักที่เบา ส่วนในแง่ของการให้พลังงานนั้นสูงมาก หากกินทุกอย่างในห่อจะได้รับพลังงานทั้งหมด 1480 Calories เรื่องรสชาติก็ยังเป็นสไตล์ MRE ยังให้ความรู้สึกปลอมๆไม่เหมือนอาหารที่กินกันจริงๆ เมนูที่ได้มาก็เป็นอารมณ์ข้าวต้มไก่เซเว่น แต่ยังไงก็ตามกินเพื่ออยู่ ถ้าไม่กินก็อดตายกันน่ะครับ แล้วพบกันใหม่กับ Eat or Die ในครั้งต่อไป